ประเทศไทยกับศาสนาอิสราม

ประเทศไทยกับศาสนาอิสราม

ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ผู้นับถือมากเป็นอันดับสองของโลก รองจากศาสนาคริสต์ ประมาณว่ามีผู้นับถือกว่า 700 ล้าน ทั้งในเอเชีย ยุโรปและแอฟริกา มีพระเจ้าองค์เดียวกันกับศาสนายูดาย (ยิว) และคริสต์ ผู้ก่อตั้งศาสนาอิสลามคือ มุฮัมหมัดซึ่งเกิดในนครมักกะฮ์ (ปัจจุบันอยู่ในซาอุดีอาระเบีย) บนคาบสมุทรอาหรับ เมื่อปี ค.ศ 570


มุฮัมหมัด อ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่เป็น ท่านพอใจที่จะมีชีวิตที่สงบเงียบ และมักจะไปแสวงหาความสันโดษ ในถ้ำเป็นเวลานานๆ จนคืนวันหนึ่งในถ้ำหิรอ ปี ค.ศ. 610 ขณะที่มุฮัมหมัดกำลังเคลิ้มหลับอยู่นั้น ท่านได้นิมิตเห็นมลาอิกะหรือมลัก (เทวทูติ) ที่มีนามว่า ยิบบริลหรือกาเบรียล ปรากฏขึ้นและประกาศพระวจนะของอัลเลาะห์ว่า ท่านได้ถูกเลือกจากอัลเลาะห์ให้เป็นศาสดาเพื่อนำมนุษย์หลีกหนีจากรูปเคารพ ยุติการเชื่อถือเทพยาดา และทำให้ทุกคนยอมรับในพระเจ้าองค์เดียวคือ อัลเลาะห์
ตอนแรกมุฮัมหมัดปฏิเสธที่จะรับหน้าที่อันทรงเกียรติ เนื่องจากการที่เขาอ่านหนังสือไม่ออก แต่ในที่สุดก็ยอมรับเหตุการณ์ที่มุฮัมหมัดได้รับเป็นครั้งแรกนี้ เกิดขึ้นในคืนของเดือนรอมฎอน ชาวมุสลิมเชื่อว่า เป็นคืนแห่งอานุภาพที่มีความ
จำเริญยิ่ง
จากนั้นมุฮัมหมัดได้รับพระวจนะของอัลเลาะห์เรื่อยๆ ช่วงนี้เองที่ชาวมุสลิมยกย่องท่านว่าเป็นนบี ซึ่งหมายถึง บุคคลที่อัลเลาะห์ได้เลือกให้เป็นผู้ประกาศศาสนา และนำคำสอนของพระองค์มาบอกมนุษย์ให้ปฏิบัติตามเพื่อสันติสุข โดยนำมารวบรวมเป็นคัมภีร์กุรอานที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
มุฮัมหมัดได้เทศนาเผยแพร่อิสลามในนครมักกะฮ์ ท่านถูกกลั่นแกล้งทรมานต่างๆ สหายหลายคนของท่านถูกทรมานจนตาย ตัวท่านและญาติของท่านเองก็เคยถูกกักบริเวณ จึงต้องสั่งให้พรรคพวกของท่านอพยพลี้ภัยไปที่อื่น
นบีมุฮัมหมัดออกจากมักกะฮ์ซึ่งอยู่ทางใต้ และเดินทางไปยังมะดีนะฮ์ ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือ และสอนให้ผู้เชื่อหันหน้าไป ยังมักกะฮ์เมื่อทำละหมาด มากกว่าจะหันหน้าไปทางเยรูซาเล็มอย่างเช่นชาวยิวปฏิบัติ อันเป็นที่มาของการปฏิบัติของชาวมุสลิมจนกระทั่งทุกวันนี้ที่ต้องหันหน้าไปมักกะฮ์เมื่อทำละหมาด การปฏิบัติเช่นนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ตรงข้ามระหว่างมุสลิมและยิว
10 ปีถัดมา ศาสดาของชาวมุสลิมและสาวกร่วมกันต่อสู้และพิชิตหมู่บ้านต่างๆ ทั่วมะดีนะฮ์ได้ ในปี ค.ศ. 630 นบีมุฮัมหมัดรวบรวมคนได้ราว 10,000 คน และได้เดินทางกลับไปนครมักกะฮ์ โดยได้ชำระล้างความเชื่อในผีสางเทวดาและเทพให้แก่ผู้คนได้อีกนับร้อยๆ และสถาปนาศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียวนี้ขึ้น จากนั้นจึงสามารถรวบรวมชนเผ่าอาหรับต่างๆ ให้แน่นแฟ้นขึ้น ก่อนที่กลุ่มชนอาหรับนี้จะพิชิตจักรวรรดิไบแซนไทน์และเปอร์เชียร์ได้ในเวลาต่อมา
นบีมุฮัมหมัดเสียชีวิตในปี ค.ศ. 632 ในปีค.ศ. 636 ชาวมุสลิมก็ยึดนครเยรูซาเลมได้ พวกเขาเก็บซากปรักหักพังจากสถานศักด์สิทธิ์ในเมือง ที่ถูกทำลายมาสร้างมัสยิดและโดมออฟเดอะร็อคขึ้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่นบีมุฮัมหมัดเดินทางไปสู่ชั้นฟ้าพร้อมกับบูร็อก (สัตว์มีลักษณะพิเศษ ซึ่งคนบางกลุ่มตีความว่าเป็นม้ามีปีก) โดมออฟเดอะร็อกซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับมัสยิดอัลอักซอเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่สามของมุสลิม รองจากมัสยิดอัลฮะรอม ในนครมักกะฮ์ สถานที่เกิดของศาสดา ซึ่งสำคัญสูงสุด ตามด้วยมัสยิดนะบะวีย์ที่ใกล้เคียงมีหลุมฝังศพ ของนบีมุฮัมหมัดในเมืองมะดีนะฮ์
การที่นบีมุฮัมหมัดไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดไว้ ทำให้ศาสนาอิสลามแตกแยกออกเป็นนิกายต่างๆ เช่น ชาวชีอะห์จะมีแนวคิดในเรื่องอิหม่าม 12 คนที่สืบทอดการดูแลอิสลามสืบต่อมาจากนบีมุฮัมหมัด โดยไม่เชื่อเหมือนแนวคิดของสุหนี่ที่ว่าหลังจากนบี มุฮัมหมัดเสียชีวิตไปแล้ว ผู้ดูแลศาสนาต่อไปคือคอลีฟะห์ทั้ง 4 (เรื่องนิกายของศาสนาอิสลามนั้น “ถามตอบรอบโลก” เคยตอบไปแล้ว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?
NewsID=9480000048733)
ชาวมุสลิมจะยึดถือในคัมภีร์อัลกุรอานสูงสุด เนื่องจากไม่ได้เกิดจากความคิดมนุษย ์แต่เป็นพระวจนะอันศักดิ์สิทธิ์ที่อัลเลาะห์ทรงมอบให้ผ่านทางนบีมุฮัมหมัด คัมภีร์นี้เชื่อกันว่า เป็นคำสอนครั้งสุดท้ายและเป็นการปิดฉากคัมภีร์ทั้งหลายที่อัลลอฮ์ประทานมาเป็นระยะ นับตั้งแต่คัมภีร์โตราห์ (The Old Testament) คัมภีร์ซาบู และคัมภีร์อินญีล